การวางแผนที่ดีจะเป็นตัวกำหนดว่า เว็บไซต์ของคุณจะเดินหน้าอย่างมีเป้าหมายหรือเปล่า? กลยุทธ์ SEO ที่ดี มีเป้าหมายต้องเข้าใจคีย์เวิร์ด รู้วิธีค้นหาและวัดผล สิ่งที่ต้องวางแผนมีอะไร ทำ SEO อย่างมีเป้าหมายและเป็นขั้นตอน เปรียบเหมือนมี “แผนที่” ช่วยให้คุณ ไม่หลงทาง ไม่มั่วคอนเทนต์และไม่หว่านแบบไม่มีแผน ใครที่เริ่มทำ SEO เองหรือแม้แต่จ้างคนอื่นทำควรอ่านครบทั้งหมวดนี้ก่อนเลย บทความนี้จะช่วยให้คุณใช้เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจริงเจาะกลุ่มเล็กได้อย่างแม่นยำ

1. องค์ประกอบพื้นฐานของการทำ SEO
สิ่งที่ต้องมีในแผน SEO เพื่อช่วยวางแผนให้ครบถ้วน ทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ Google ใช้จัดอันดับมีอะไรบ้าง อีกทั้งช่วยให้ Roadmap ชัดเจนขึ้นด้วย ทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ Google ใช้จัดอันดับมีอะไร ต้องเตรียมอะไรบ้างในเว็บเพื่อเตรียมวางแผนคีย์เวิร์ดต่อไป
- Keyword
Keyword คือ คำหรือวลีที่กลุ่มเป้าหมายใช้ในการค้นหาบน Google เราควรวางคีย์เวิร์ดเหล่านี้อย่างเป็นธรรมชาติในเนื้อหา ควรเริ่มต้นวางแผนคีย์เวิร์ด เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราตอบคำถามหรือปัญหานั้นได้จริง ช่วยให้ติดอันดับในผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น
- Meta
Meta คือ วิเคราะห์ Search intent ข้อมูลที่ใช้สื่อสารกับ Google และผู้ใช้งานผ่านผลการค้นหา เช่น Meta Title และ Meta Description ซึ่งแสดงเป็นหัวเรื่องและคำบรรยายใต้ลิงก์ ช่วยเพิ่มโอกาสให้คนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ และยังบอกให้ Google รู้ว่าเนื้อหาหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร

- Technical
เราต้องตรวจเช็ค Technical SEO เพราะเว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่กดปิดหนี และยังทำให้ Google ประเมินว่าเว็บไซต์มีคุณภาพ มีโครงสร้างดี รองรับการใช้งาน เว็บไซต์ที่ช้าเกินไปอาจโดนลดอันดับได้
- โครงสร้างเว็บที่ดี UX (User Experience)
UX หรือประสบการณ์ของผู้ใช้งาน คือความรู้สึกเมื่อเข้ามาในเว็บไซต์ เช่น เนื้อหาที่มีคุณภาพ อ่านง่าย ใช้งานลื่น ไม่ซับซ้อน ปรับแต่งรูปภาพให้เหมาะสม รวมถึงการออกแบบ UX ที่ดีช่วยให้คนอยู่ในเว็บนานขึ้น ลดอัตราการกดออกเร็ว และ Google ก็ใช้สิ่งนี้เป็นหนึ่งในเกณฑ์จัดอันดับด้วย
- ลิงก์ (Links)
ลิงก์ แบ่งเป็น Internal Link (ลิงก์ภายในเว็บเดียวกัน) และ Backlink (ลิงก์จากเว็บอื่นมาหาเรา) ทั้งสองแบบมีบทบาทต่อ SEO เพราะช่วยให้ Google เข้าใจความสัมพันธ์ของเนื้อหา เสริมความน่าเชื่อถือ และส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ในระยะยาว
- ความปลอดภัย (HTTPS)
Google ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะช่วยปกป้องข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานกับเว็บไซต์ไม่ให้ถูกดักจับหรือโจมตีจากบุคคลที่สาม เว็บไซต์ที่มี HTTPS จะมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วย SSL Certificate ซึ่งจะแสดงไอคอนรูปกุญแจบนแถบ URL และทำให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจเมื่อเข้าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการกรอกฟอร์ม ติดต่อสอบถาม หรือทำธุรกรรมต่าง ๆ

2. รู้จักกับ SEO Roadmap ว่าคืออะไร?
SEO Roadmap คือ วางแผนภาพรวมก่อนเริ่มลงมือ ของการทำ SEO อย่างมีเป้าหมายและเป็นขั้นตอน เปรียบเหมือน “แผนที่” แผนภาพกว้างที่บอกว่า ควรทำอะไรก่อน-หลัง สำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google อย่างยั่งยืน ไม่ใช่หว่านแบบเดาสุ่ม หรือทำแค่ช่วงเดียวแล้วเลิก
- วางแผนคีย์เวิร์ด ก่อนจะเขียนอะไร ต้องรู้ก่อนว่าเป้าหมายคือคำไหนที่คนค้นหา เราต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่มีโอกาสติดอันดับจริง และสอดคล้องกับสิ่งที่เราขายหรืออยากให้คนรู้จัก
- วิเคราะห์ Search inten ไม่ใช่แค่รู้ว่าคนค้นหาอะไร แต่ต้องเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร เช่น ค้นหาคำว่า “รองเท้าผู้หญิง” เขากำลังจะซื้อ หรือแค่ดูรีวิว? ถ้าเข้าใจ intent จะช่วยทำเนื้อหาให้ตอบโจทย์มากขึ้น
- เนื้อหาที่มีคุณภาพ Google ชอบคอนเทนต์ที่มีประโยชน์จริง เขียนให้เข้าใจง่าย ตรงประเด็น มีโครงสร้างดี และไม่ก๊อปใครมา ยิ่งดีถ้าเนื้อหานั้นตอบคำถามที่ผู้ใช้อยากรู้จริง ๆ
- ปรับแต่งรูปภาพ รูปภาพต้องเบา โหลดเร็ว และใส่ Alt Text ให้บอกว่าในภาพคืออะไร เพราะ Google อ่านรูปไม่ออก ถ้ารูปสื่อความหมายได้ดี ก็ช่วยให้ติดอันดับใน Google Image ด้วย
- ปรับ On-page SEO จัดการทุกจุดในหน้า เช่น Title, Meta Description, หัวข้อ H1-H3, URL และลิงก์ต่าง ๆ ให้ตรงกับคีย์เวิร์ด เปรียบเสมือนการจัดหน้าร้านให้ดูน่าเข้าและหาของเจอง่าย
- ตรวจเช็ค Trchnical SEO เรื่องหลังบ้านอย่างความเร็วเว็บไซต์, SSL, Mobile-friendly, Sitemap หรือโครงสร้างเว็บ ต้องไม่มีปัญหา เพราะถ้า Google เข้ามาแล้วอ่านเว็บเราไม่เข้าใจ ก็ไม่มีทางติดอันดับ
- วางแผนสร้าง Backlink Backlink จากเว็บอื่นคือให้เว็บเราน่าเชื่อถือ ยิ่งได้ลิงก์จากเว็บดี ๆ อันดับยิ่งขึ้น แต่ต้องวางแผนให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ซื้อสแปมหรือใส่ลิงค์จากเว็บไซต์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง ลิงก์มั่ว
คุณเหมือนคนจะเปิดร้านในเมืองใหญ่ จะเดินหน้าแบบไม่มีแผนไม่ได้ Roadmap คือแผนภาพกว้างที่บอกว่า ควรทำอะไรก่อน-หลัง

3. เริ่มต้นวางแผน Keyword อย่างมีกลยุทธ์
การเลือกคีย์เวิร์ดไม่ใช่แค่ดูปริมาณการค้นหา กำหนดคำที่ควรยิงไปหากลุ่มเป้าหมาย เปรียบเหมือนการตั้งเป้าว่าลูกค้าเราค้นหาด้วยคำว่าอะไร การวางแผน Keyword ที่สอดคล้องกับสินค้า บริการ หรือตอบคำถามผู้อ่าน นี่คือ หัวใจของการเริ่มทำ SEO ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
ทำไมการวางแผน Keyword ถึงสำคัญ?
จุดเริ่มของการทำ SEO ถ้าเลือก keyword ผิดตั้งแต่แรก และไม่ตรงกับบริการคุณ คนไม่เจอเว็บคุณ ถ้าเลือก keyword ถูก แต่ไม่มีคนค้น คุณเขียนไปก็ไม่มีคนอ่าน แต่ถ้าเลือก keyword “ที่ตรงกับเจตนาค้นหาของลูกค้า” มีโอกาสได้คนเข้าเว็บที่ “ใช่” จะดีกว่า
ประโยชน์ของการวางแผน Keyword ให้ดี
- ช่วยให้เว็บติดอันดับง่ายขึ้น เพราะคีย์เวิร์ดที่เลือกมาสอดคล้องกับสิ่งที่คนหา
- ได้คนเข้าเว็บที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่ปริมาณ แต่เป็นคนที่ต้องการสิ่งที่เรามีจริง ๆ
- ใช้วางโครงสร้างเว็บไซต์ได้ เช่น หน้า Home หน้า Category หน้า Article ต่าง ๆ จะถูกวางจากคีย์เวิร์ดเป้าหมาย
- ช่วยวาง Content Strategy ได้ตรงกลุ่มเขียนบทความอะไรก่อน-หลังดี? คำไหนไว้ Landing Page? คำไหนใช้ Blog?
การวางแผนหา Keyword ต้องดูอะไรบ้าง?
Search Volume
ปริมาณการค้นหา คือ จำนวนครั้งที่คีย์เวิร์ดนั้นถูกค้นหาต่อเดือน หากเลือกคำที่มีปริมาณการค้นหาสูงเกินไปอาจแข่งขันยาก คำที่มีปริมาณพอเหมาะแต่ตรงกลุ่มเป้าหมายมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
Search Intent
ความตั้งใจของผู้ค้นหา สิ่งที่ผู้ใช้ “ต้องการจริง ๆ” เมื่อค้นหาคำใดคำหนึ่ง เช่น ต้องการข้อมูล, เปรียบเทียบ, หรือซื้อของ การเลือกคีย์เวิร์ดให้ตรงเจตนาจะช่วยให้เว็บไซต์ตอบโจทย์ผู้ค้นหาได้แม่นยำกว่า
การแข่งขันของคีย์เวิร์ด
เป็นตัวชี้วัดว่าคีย์เวิร์ดนี้มีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน หากเลือกคำที่มีการแข่งขันสูง เว็บไซต์ใหม่อาจติดอันดับยาก ควรเริ่มจากคำที่มีคู่แข่งน้อยแต่ตรงกลุ่มก่อน เพื่อเก็บแรงส่ง
คีย์เวิร์ดหลัก – คำรอง – คำสนับสนุน
กระจายเนื้อหาให้ครอบคลุมและเป็นธรรมชาติมากขึ้นควรวางแผนใช้คีย์เวิร์ดเป็นระบบ เช่น
- คำหลัก เป้าหมายสำคัญ คำหลักที่เป็นหัวใจของสินค้านั้น ๆ
- คำรอง เสริมคำหลัก ใช้ขยายหรือระบุประเภทเพิ่มเติมให้เจาะจงยิ่งขึ้น
- คำสนับสนุน คำเกี่ยวข้องทางความหมาย ไม่จำเป็นต้องมีคีย์เวิร์ด แต่ Google จะเข้าใจความเชื่อมโยง

4. ประเภทของ Keyword มีกี่แบบ ใช้อย่างไร
keyword มีกี่ประเภท ใช้อย่างไร เข้าใจชนิดของคีย์เวิร์ด เพื่อเลือกใช้ให้ตรง เปรียบเหมือนการตั้งเป้าว่าลูกค้าเราค้นหาด้วยคำว่าอะไร วางแผน Keyword ที่สอดคล้องกับสินค้า บริการ หรือตอบคำถามผู้อ่าน เข้าใจสิ่งนี้จะช่วยคุณเลือก keyword ได้แม่นยำขึ้น
Broad Match แบบกว้าง
เป็นคำที่มีความหมายทั่วไป คนค้นอาจมีเจตนาแตกต่างกัน เช่น “รองเท้าวิ่ง” ใช้เพื่อสร้างหมวดหมู่หลักหรือโครงสร้างเว็บ
Exact Match แบบตรง
คำค้นที่ระบุเจาะจงตรงตัว เช่น “รองเท้าวิ่งผู้หญิง” เหมาะใช้ในหน้า Landing Page หรือเนื้อหาที่ต้องการจับการค้นหาชัดเจน
Phrase Match แบบวลี
วลีที่มีคำหลักอยู่ภายใน เช่น “รีวิวรองเท้าวิ่งสีขาว” ใช้ในบทความหรือคอนเทนต์ที่ต้องการสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ
Long-tail Keywords แบบยาว
คำค้นที่ยาวและเฉพาะเจาะจงมาก เช่น “รองเท้าวิ่งสีขาวสำหรับผู้หญิง” เหมาะกับบทความเจาะกลุ่ม และแข่งขันต่ำ
การวาง keyword ให้เหมาะกับหน้าประเภทต่าง ๆ
หน้าแรก / Homepage | ใช้ Broad + Exact Keyword ที่เป็นภาพรวมของแบรนด์ |
หน้า Landing Page | ใช้ Exact + Phrase keyword เพื่อดึงคนซื้อ |
หน้า Blog / บทความ | ใช้ Long-tail + Phrase + LSI keyword เพื่อให้เนื้อหาดูเป็นธรรมชาติ |
หน้า Category | ใช้ Broad keyword ที่เป็นหมวดหมู่สินค้า/บริการ |
ตัวอย่างการใช้งานจริงอีก 1 ตัวอย่างธุรกิจ เช่น คลินิกรักษาสิวในกรุงเทพฯ
- Broad > รักษาสิว
- Exact > คลินิกรักษาสิวในกรุงเทพ
- Phrase > คลินิกรักษาสิวที่ไหนดีในกรุงเทพ
- Long-tail > คลินิกรักษาสิวสำหรับคนผิวแพ้ง่าย ราคาย่อมเยา กรุงเทพ
5. เทคนิคการหา longtail Keyword
คำที่อาจมีคนเสิร์ชน้อย แต่มีโอกาสปิดยอดสูง คีย์เวิร์ดเจาะกลุ่มเล็กแต่แม่นยำ เหมาะสำหรับเว็บที่ยังไม่แข็งแรง Longtail คือ คำค้นที่เฉพาะเจาะจงมาก คนค้นน้อย แต่แม่นยำมาก เช่น “แชมพูลดผมร่วงสำหรับคนผิวแพ้ง่าย” แม้มีคนค้น 50 คนต่อเดือน แต่ถ้าคุณได้คนกลุ่มนี้มา ก็ซื้อแน่นอน

Longtail Keyword คืออะไร
Longtail Keyword คือคำค้นหาที่ยาวและเจาะจงมาก มักประกอบด้วย 3 คำขึ้นไป เช่น “รองเท้าผ้าใบสีขาวไซส์ 38 ผู้หญิง” แม้มีคนค้นหาน้อยกว่า คำกว้าง ๆ อย่าง “รองเท้า” แต่คนที่ค้นคำแบบนี้มีเจตนาชัด และมีโอกาสซื้อสูงกว่า ทำให้คีย์เวิร์ดแบบนี้เหมาะสำหรับการทำ SEO แบบเฉพาะทาง
ทำไม Longtail Keyword ถึงสำคัญกับเว็บไซต์ใหม่
เว็บไซต์ใหม่มักยังไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตา Google หากพยายามแข่งกับคำสั้น ๆ ที่คนค้นเยอะ ก็จะสู้เว็บใหญ่ไม่ไหว การใช้ Longtail Keyword ที่แข่งขันน้อยกว่า ช่วยให้ติดอันดับเร็วขึ้น และดึงกลุ่มคนที่ต้องการข้อมูลเฉพาะจริง ๆ มาได้มากกว่าในระยะเริ่มต้น
วิธีหา Longtail Keyword แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
- ลองพิมพ์คำลงใน Google แล้วดูคำแนะนำอัตโนมัติ (Google Suggest)
- เลื่อนลงมาดู “การค้นหาที่เกี่ยวข้อง” ด้านล่างผลลัพธ์
- สังเกตคำถามที่ลูกค้าถามบ่อย เช่น ใน LINE หรือ Inbox
- ไปดูเว็บบอร์ดหรือคอมเมนต์ เช่น Pantip หรือกลุ่ม Facebook
ใช้เครื่องมืออะไรช่วยหา Longtail ได้บ้าง
- Ubersuggest – วิเคราะห์คำที่เกี่ยวข้องพร้อมปริมาณการค้นหา
- Answer the Public – แสดงคำถามและคำที่คนมักค้น
- Google Keyword Planner – เหมาะกับคนที่มีบัญชี Google Ads
- Keyword Tool.io – สร้าง Longtail Keyword จาก Google Suggest
- AlsoAsked.com – ช่วยหา Longtail จากคำถามที่เกี่ยวข้องกันจริง ๆ
- การใช้งาน Ubersuggest สำหรับวางแผน SEO
ตัวช่วยฟรีหรือราคาถูกที่ใช้วางกลยุทธ์ Keyword Ubersuggest เป็นเครื่องมือหรืออาวุธ วิเคราะห์คีย์เวิร์ดจริง เป็นนักสืบที่ช่วยหาว่าคนไทยค้นหาอะไรใน Google วิเคราะห์ให้เห็นตัวเลข Volume คำที่เกี่ยวข้อง ความยากง่ายของคีย์เวิร์ดนั้น

6. วิธีใช้งาน Ubersuggest เบื้องต้น
- ไปที่ ubersuggest.com โดย ไม่ต้องสมัครสมาชิก ใช้ฟรีได้เลย!
- ใส่คีย์เวิร์ดที่อยากรู้ พิมพ์ (คีย์เวิร์ด) ในช่องค้นหา เลือกประเทศ Thailand
กด Search
- ดูผลลัพธ์หน้าแรก
- Search Volume (จำนวนคนค้นหา/เดือน)
- CPC (ค่าโฆษณาต่อคลิก)
- SEO Difficulty ความยากในการทำ SEO
- Paid Difficulty ความยากในการทำโฆษณา
- ดู Keyword Ideas กดที่ View all keyword ideas จะเจอคำแนะนำเพิ่ม
การดูคำแนะนำของ Google
- ไปที่ ubersuggest.com พิมพ์คำหลักของธุรกิจคุณ เช่น ร้านอาหาร
- มองหา Keyword Ideas หลังจากกด Search แล้ว เลื่อนลงมาจะเจอส่วน Keyword Ideas
- เลือกแท็บ Suggestions จะเห็น 4 แท็บ
- Suggestions ← คลิกเลือก จะได้คำแนะนำที่มาจาก Google โดยตรง
- Related
- Questions
- Prepositions
การเปรียบเทียบ keyword
- เข้าหน้า Keyword Overview แล้วเลือก “Keyword Overview” จากเมนูซ้าย
- ใส่ Keyword ที่อยากเปรียบเทียบ ประมาณ 3 คีย์เวิร์ดที่เราต้องการ
- กดปุ่ม “Compare Keywords จะเจอปุ่ม “+ Add Keyword to Compare ใส่ keyword ที่ 2 และ 3 กด “Compare”
การวิเคราะห์คู่แข่งเบื้องต้น
วิธีหาคู่แข่งใน Ubersuggest
- เข้า ubersuggest.com เลือก “Domain Overview”
- ใส่เว็บไซต์คู่แข่งลงไป
ข้อมูลที่จะได้จาก Domain Overview คือ
- Traffic Overview
- Top Keywords จะเห็นคำค้นหาที่คู่แข่งทำได้ดี
การ ดู Top Pages (หน้าที่ดีที่สุดของคู่แข่ง)
- คลิกแท็บ Top Pages จะเห็นหน้าเว็บที่ได้ traffic มากที่สุด
- คลิกเข้าไปดูหน้าจริง
- ดูว่าเขาเขียน content อย่างไร
- มี keyword อะไรบ้าง
- จัดหน้าเว็บยังไง
- มี CTA (Call-to-Action) ตรงไหน
การดู Keywords ของคู่แข่ง
- คลิกแท็บ “Keywords” จะเห็นทุกคำที่คู่แข่ง rank ได้
- เลือก Keywords ที่เราทำได้
- เลือก Keywords
- เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรา
- อันดับ 4-10 (เราแซงได้)
- Volume ใช้ได้ (500+ searches)
การดู Backlinks
- คลิกแท็บ “Backlinks” จะเห็นเว็บไซต์ที่ลิงก์มาหาคู่แข่ง
- หาโอกาส
- เราติดต่อเว็บเหล่านี้ได้มั้ย?
- เราส่งข่าวให้สื่อได้มั้ย?
- เราเขียน guest blog ได้มั้ย?
- เราทำ social media ได้ดีกว่ามั้ย?
หากคุณเป็นคนที่อยากเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตัวเอง ไม่ได้เริ่มจากการเขียนบทความหรือใส่คีย์เวิร์ดแบบสุ่ม ๆ แต่ต้องอาศัยการวางกลยุทธ์เป็นระบบ ตั้งแต่รู้เป้าหมาย เข้าใจองค์ประกอบ ไปจนถึงการใช้เครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ มี Roadmap ที่ชัดเจน วางลำดับขั้นว่าอะไรควรทำก่อนหลัง เช่น สำรวจเว็บไซต์ วิเคราะห์คู่แข่ง จัดโครงสร้างเว็บ และเริ่มสร้างเนื้อหาตามแผนคีย์เวิร์ด เพราะเมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานและภาษาของ SEO แล้ว จะสามารถสื่อสารกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงที่จะลงทุนผิดจุด หรือสื่อสารคลาดเคลื่อน รวมถึง เจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการดูภาพรวมก่อนเริ่มทุ่มงบหรือเวลาจริงจัง ก็สามารถใช้บทความนี้เป็นจุดตั้งต้น ช่วยวางโครงสร้างความคิด พร้อมตัวอย่างการวางแผนที่ปรับใช้ได้จริงกับทุกประเภทธุรกิจ
ติดต่อ บริษัท ซี แซด กรุ๊ป จำกัด
- ที่อยู่: บริษัท ซี แซด กรุ๊ป จำกัด 52/87 ถ.เทพาพัฒนา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000
- เบอร์โทร : 065 195 9797
- E-mail : [email protected]
- Line ID :@CzGroup
- Facebook :CzGroup : Digital Marketing and SEO
บริการแนะนำเพิ่มเติม
บริการเสริมด้านการตลาดดิจิทัลที่จะช่วยยกระดับเว็บไซต์ของคุณให้เป็นมากกว่าแค่แหล่งรวมข้อมูล แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ