Google ปล่อยโมเดล Nano Banana Pro อัปเกรดการสร้างอินโฟกราฟิกด้วย AI ข้อความภาษาไทยไม่เพี้ยน

วงการ AI กลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อ Google เปิดตัวโมเดลใหม่ “Nano Banana Pro” ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาคุณภาพของงานวิชวลอินโฟกราฟิกโดยเฉพาะ จุดเด่นสำคัญคือประมวลผลภาษาไทยได้สมบูรณ์กว่าเดิม ภาพคมชัดขึ้น และตัวอักษรไม่เพี้ยนเหมือนยุคก่อน การอัปเกรดครั้งนี้ถูกเชื่อมเข้ากับ “Gemini 3 Pro” ที่ถือเป็นโมเดลหลักของ Google ในปีล่าสุด ทำให้หลายบริษัทด้านการตลาดออนไลน์เริ่มทดลองใช้เพื่อเร่งการทำคอนเทนต์ที่ต้องการความแม่นยำด้านข้อมูลและความสวยงามของงานกราฟิกไปพร้อมกัน

Gemini 3 Pro ดีกว่าเวอร์ชันก่อนอย่างไร

Gemini 3 Pro ได้รับการยกระดับให้เก่งขึ้นในหลายด้าน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและการวิเคราะห์เชิงบริบทแบบลึกกว่าเดิม จุดสำคัญคือความสามารถด้านมัลติโหมดที่แม่นยำขึ้น ทั้งข้อความ รูปภาพ และโครงสร้างข้อมูล ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับ AI เป็นธรรมชาติกว่ารุ่นก่อนมาก

เมื่อใช้ร่วมกับ Nano Banana Pro ความสามารถด้านภาพยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะ Gemini จะวิเคราะห์เนื้อหาและเลือกองค์ประกอบที่ต้องใช้ในอินโฟกราฟิกอย่างเหมาะสม ตั้งแต่รูปแบบของไอคอน สี และปริมาณข้อความ ทำให้การสร้างภาพที่ “ทั้งสวยและเข้าใจง่าย” ทำได้โดยไม่ต้องปรับแก้หลายรอบเหมือนเมื่อก่อน

สำหรับนักการตลาด จุดแข็งที่เห็นได้ชัดคือ

• วิเคราะห์ข้อมูลต้นทางแล้วสรุปเป็นภาพเชิงข้อมูลได้เร็วขึ้น
• ประมวลผลภาษาไทยได้แม่นกว่าเดิม ทำให้ข้อความในภาพไม่ตกหล่น
• เข้าใจรูปแบบอินโฟกราฟิกที่คนไทยนิยม เช่นแบบสรุป 3–5 ข้อ หรือแบบเปรียบเทียบสองด้าน
  โมเดลใหม่นี้จึงถูกมองว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้งานครีเอทีฟและงานวิชวลผสานกันได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
  

Nano Banana Pro เก่งขึ้นอย่างไรเมื่อสร้างอินโฟกราฟิก

Nano Banana Pro ถูกพัฒนามาเพื่อแก้จุดอ่อนที่นักออกแบบไม่เคยวางใจมาก่อน นั่นคือ “ข้อความไทยคดเบี้ยว เพี้ยน หรืออ่านไม่ออก” จากระบบ AI รุ่นเก่า แต่รุ่นนี้ปรับโครงสร้างโมเดลด้าน Text Rendering ให้รองรับรูปแบบอักษรไทยชัดเจนขึ้น จุดเด่นที่สังเกตได้ชัดคือ

• ตัวหนังสือไม่เพี้ยน แม้ใช้ประโยคยาวหรือคำที่มีสระ วรรณยุกต์ซ้อน
• ขนาดและระยะห่างของตัวอักษรสม่ำเสมอ
• การจัดวางข้อความเป็นระเบียบขึ้น อ่านง่ายขึ้น
• รองรับองค์ประกอบกราฟิกพื้นฐานต่าง ๆ เช่น กรอบ สี และไอคอน

ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้นักการตลาดสามารถสร้างงานที่พร้อมใช้งานจริงได้เร็วขึ้น โดยแทบไม่ต้องนำเข้าโปรแกรมออกแบบเพื่อแก้ไขซ้ำ

วิธีใช้งาน Nano Banana Pro ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

การใช้ Nano Banana Pro ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านออกแบบมาก่อน จุดสำคัญคือการส่งคำสั่ง (Prompt) ให้ชัดว่าต้องการอินโฟกราฟิกแบบใด หากปรับวิธีสื่อสารให้เป็นขั้นตอน จะทำให้โมเดลทำงานได้แม่นยำขึ้น เช่น อธิบาย “วัตถุประสงค์ของภาพ” พร้อม “โทนสี” และ “กลุ่มคนดู”

ตัวอย่างการใช้งานที่ให้ผลลัพธ์ดีคือ

• อัปโหลดข้อมูลที่ต้องการสรุป เช่น ตารางหรือข้อความยาว
• ระบุรูปแบบภาพ เช่น 3 หัวข้อ, เปรียบเทียบสองฝั่ง หรือสรุปเป็นขั้นตอน
• กำหนดโทนภาพ เช่น สีเรียบ มืออาชีพ หรือสายมินิมอล
• ระบุให้คงรูปแบบข้อความไทยไม่ให้เพี้ยน

หากทำตามลำดับนี้ ระบบจะเลือกองค์ประกอบภาพให้เหมาะกับข้อมูลและบริบทตามที่คุณตั้งใจ

ตัวอย่าง Prompt สร้างอินโฟกราฟิกที่ใช้ได้จริง

เพื่อช่วยให้เริ่มต้นง่ายขึ้น ด้านล่างเป็นตัวอย่าง Prompt ที่ปรับให้เหมาะกับงานของบริษัทการตลาดออนไลน์และงานคอนเทนต์เชิงข้อมูล

Prompt ตัวอย่าง
“ช่วยสร้างอินโฟกราฟิกแบบ 3 หัวข้อในโทนมืออาชีพ ใช้ภาษาไทยล้วนและให้ตัวอักษรไม่เพี้ยน เนื้อหาคือสรุปข้อดีของ Gemini 3 Pro สำหรับงาน Digital Marketing ได้แก่ คุณภาพการวิเคราะห์ข้อมูลดีขึ้น การสร้างภาพเข้าใจง่ายขึ้น และการทำงานร่วมกับโมเดล Nano Banana Pro ให้ผลลัพธ์ลื่นไหลขึ้น ขอภาพที่อ่านง่าย ใช้สีเรียบร้อย และเหมาะสำหรับโพสต์ลงโซเชียล”

ผู้ใช้สามารถปรับข้อความให้เหมาะกับงานตัวเองได้ทันที เช่น แคมเปญลูกค้า, ผลลัพธ์ของการยิงโฆษณา, หรือสรุปข้อมูล SEO รายเดือน

เครื่องมือใหม่จาก Google ที่เข้ามาช่วยงานการตลาดออนไลน์

สำหรับทีมการตลาดที่ต้องสร้างภาพจำนวนมากทั้งแบบรายวันและรายเดือน Nano Banana Pro และ Gemini 3 Pro ช่วยลดงานหนักลงอย่างมาก การสรุปข้อมูล SEO การจัดทำรีพอร์ต หรือการทำคอนเทนต์เชิงความรู้สามารถทำได้เร็วขึ้นและแม่นยำกว่าเดิม เพราะโมเดลเข้าใจข้อมูลตัวเลขและเลือกวิธีนำเสนอที่เข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ธุรกิจที่ทำงานด้านรับทำการตลาดออนไลน์จึงเริ่มนำโมเดลนี้มาเสริมทีม เพื่อเพิ่มความเร็ว ลดต้นทุน และเพิ่มคุณภาพงานโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนคนในทีม เป็นการยกระดับองค์กรให้ทำงานได้ทันยุคของ AI ที่เปลี่ยนเร็วขึ้นทุกเดือน