SEO สำหรับมือใหม่เข้าใจง่าย ติดหน้าแรก Google พร้อมทำเองได้เลย

SEO สำหรับมือใหม่เข้าใจง่าย ติดหน้าแรก Google พร้อมทำเองได้เลย

SEO คืออะไร 

SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization พูดแบบง่าย ๆ คือ ทำยังไงให้คนค้นหาใน Google แล้วเจอเว็บไซต์ของเรา โดยที่ ไม่ต้องเสียเงินยิงโฆษณา 

เวลาเราจะหาของกิน ร้านทำฟัน หรือหาข้อมูลอะไรสักอย่าง เราก็มักจะพิมพ์ใน Google ใช่ไหม? เช่น “จัดฟันใสเจ็บไหม” หรือ “ร้านอาหารใกล้ฉัน” เว็บไซต์ที่ขึ้นหน้าแรก มักจะมีโอกาสได้ลูกค้าเยอะกว่า เพราะใคร ๆ ก็เลือกคลิกอันแรก ๆ ก่อนเสมอนั่นเองค่ะ

SEO มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร

จริง ๆ แล้ว SEO แบ่งได้หลัก ๆ เป็น 3 ประเภท ที่ทำงานร่วมกันเหมือน ทีมเวิร์ก

ถ้าขาดแบบไหนไป เว็บก็ขึ้นอันดับได้ยาก เรามาทำความรู้จักทีละตัวแบบไม่เทคนิคมากกันค่ะ

  • On-Page SEO

ปรับเนื้อหาบนหน้าเว็บให้ตอบคำถามลูกค้า คือสิ่งที่เราเห็นและอ่านได้ในหน้าเว็บ เช่น หัวข้อบทความ, คีย์เวิร์ด, รูปภาพ, ลิงก์ภายใน เขียนบทความให้ตรงกับสิ่งที่คนเสิร์ชหา ทำให้คนอ่านเข้าใจง่าย และอยู่ในเว็บนาน ๆ ถ้า On-Page ดี คนอ่านก็รู้สึกว่า “เว็บนี้มีคำตอบที่เราต้องการ”

  • Off-Page SEO

สร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บจากภายนอก การทำให้เว็บเราดูน่าเชื่อถือในสายตา Google โดยสิ่งที่อยู่นอกเว็บ เช่น มีเว็บอื่นลิงก์กลับมาหาเรา (เรียกว่า Backlink) มีคนแชร์บทความของเรา มีคนพูดถึงเว็บเราบ่อย ๆ ในโลกออนไลน์อย่าง Facebook , Insragram ถ้า Off-Page ดี Google จะมองว่าเว็บนี้คนอื่นก็เชื่อถือ

  • Technical SEO

การจัดระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ ให้ Google เข้ามา “อ่าน รู้จัก และเข้าใจ” เว็บของเราได้ง่ายที่สุด ลองนึกภาพว่าเหมือนเราปูพรมให้ Google Bot เดินเข้าเว็บเราได้ลื่น ๆ ไม่สะดุด ไม่หลงทาง สิ่งที่ต้องดูแลใน Technical SEO มีหลายจุดที่สำคัญอย่างเช่น 

  • URL – ลิงก์ต้องสั้น อ่านง่าย ไม่ควรเต็มไปด้วยรหัสยาว ๆ หรือภาษาอ่านไม่รู้เรื่อง
  • Performance – เว็บต้องโหลดเร็ว ไม่ช้า ไม่ค้าง เพราะถ้าคนเข้ามาแล้วต้องรอนาน Google จะมองว่า “เว็บนี้ประสบการณ์ใช้งานแย่”  Google ยังให้คะแนนต่ำ
  • Immage Optimization – รูปภาพควรบีบอัดให้เบา ใช้ขนาดพอดี และตั้งชื่อไฟล์ให้เกี่ยวข้อง เช่น botox-before-after.jpg เพราะ Google ก็อ่านชื่อไฟล์รูปภาพเพื่อช่วยจัดอันดับด้วย
  • Sucurity – ใช้ HTTPS แทน HTTP เดิม เพื่อความปลอดภัยกว่าและคะแนนที่ดีกว่า 

SEO เหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง 

จุดแข็งของ SEO คือ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับเมื่อมีคนค้นหาด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/บริการของคุณ ซึ่งหมายถึง “โอกาสที่ลูกค้ากำลังต้องการซื้อจริง” ถ้าคุณติดหน้าแรกก่อนคู่แข่ง = มีโอกาสได้ลูกค้าก่อน ธุรกิจที่ต้องการลดงบโฆษณา แต่ได้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ยิ่งควรใช้ SEO เป็นเครื่องมือหลักในการเติบโต

ถ้าถามว่า SEO เหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง คุณลองมองว่าหากต้องการให้ลูกค้าหาคุณเจอบน Google โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เช่น สุขภาพ ความงาม อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม บริการเฉพาะทาง หรือแม้แต่ ธุรกิจ B2B และ E-commerce ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ SEO ธุรกิจยังช่วยส่งผลให้ลูกค้ามองเห็นธุรกิจคุณมากขึ้นอีกด้วย

1. ธุรกิจสุขภาพ

ธุรกิจความงาม คลินิก โรงพยาบาล หรือเฉพาะทาง ต้องสร้างความเชื่อมั่นก่อนตัดสินใจใช้บริการ SEO ช่วยให้ลูกค้าเจอคุณจากการค้นหาคำถาม เช่น “รักษาฝ้าแบบไหนดี” หรือ “คลินิกเสริมจมูกที่ไหนดี” บทความหรือรีวิวที่คุณมี จะกลายเป็นคำตอบที่ Google เลือกแสดงบนหน้าแรก พร้อมเชื่อมโยงไปยังหน้าแพทย์ รีวิวบริการ และแบบฟอร์มลงทะเบียน ทำให้ลูกค้ารู้จัก เชื่อใจ และตัดสินใจง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาตลอดเวลา

2. ธุรกิจอสังหาฯ

การตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดเริ่มจากการค้นหาข้อมูล เช่น “หมู่บ้านในบางนา ราคาไม่เกิน 3 ล้าน” ถ้าเว็บไซต์คุณไม่ขึ้นอันดับ โอกาสขายหายไป SEO ช่วยให้โปรเจกต์อสังหาฯ ติดอันดับเมื่อมีผู้สนใจ พร้อมแสดงข้อมูลโครงการ, ทำเล, โปรโมชั่น และข้อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพิ่มความได้เปรียบในการปิดการขาย อีกทั้งยังช่วยดึงลูกค้ากลับมาได้ต่อเนื่องในอนาคตโดยไม่ต้องจ่ายค่าแอดซ้ำทุกเดือน

3. ธุรกิจโรงแรม

นักท่องเที่ยวค้นหาทุกอย่างผ่าน Google ตั้งแต่ “ที่พักเขาค้อ วิวสวย” ไปจนถึง “โรงแรมใกล้สนามบินฟรีรถรับส่ง” SEO ช่วยให้โรงแรมของคุณปรากฏบนหน้าแรกในคำค้นที่แม่นยำ เพิ่มโอกาสจองตรงผ่านเว็บไซต์ ไม่ต้องพึ่ง OTAs หรือจ่ายค่าคอมมิชชันแพง ๆ เสมอไป พร้อมดึงดูดลูกค้าด้วยบทความแนะนำสถานที่เที่ยว รีวิวจากผู้เข้าพัก และหน้าโปรโมชั่นเฉพาะช่วงที่กำลังค้นหา เป็นการลงทุนที่คืนกำไรระยะยาว

4. ธุรกิจบริการ

ไม่ว่าคุณจะรับเหมาก่อสร้าง รับทำบัญชี ทำความสะอาด ลูกค้ามักค้นหาจากคำปัญหา เช่น “บริษัทรับถมที่ดิน นนทบุรี” SEO ทำให้คุณอยู่ตรงหน้าเมื่อลูกค้าต้องการจริง ไม่ใช่แค่ยิงโฆษณารัว ๆ แล้วหายไป ธุรกิจบริการจะได้เปรียบมหาศาล ถ้าคอนเทนต์มีคำตอบที่ชัดเจน ครบถ้วน และอยู่ในจังหวะเวลาที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจ

5. ธุรกิจ B2B

ธุรกิจขายให้ธุรกิจ เช่น ขายเครื่องจักร อุปกรณ์อุตสาหกรรม บริการขนส่ง โลจิสติกส์ ฯลฯ ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือมากในการปิดดีล SEO ช่วยดันเว็บไซต์ให้ปรากฏในคำค้นเฉพาะ เช่น “จำหน่ายถุงพลาสติกเกรดอาหาร สำหรับโรงงาน” หรือ “ซัพพลายเออร์แผงโซลาร์เซลล์ B2B” พร้อมบทความสื่อถึงความเชี่ยวชาญ ใช้หน้า Landing สร้างความเชื่อมั่น และเก็บ Leads แบบแม่นยำกว่าการลง Ads ทั่วไป

6. ธุรกิจ E-comece 

แข่งขันสูง แต่ก็มีช่องว่างมหาศาล SEO ช่วยให้ร้านคุณถูกค้นเจอจากคำซื้อ เช่น “รองเท้าวิ่งผู้หญิงไซส์เล็ก” หรือ “หูฟังเกมมิ่งลดเสียงรบกวน” ยิ่งคุณจัดโครงสร้างเว็บดี ใส่รายละเอียดสินค้า ครอบคลุมคำค้น และมีบทความรีวิวเปรียบเทียบสินค้า ยิ่งเพิ่มโอกาสติดหน้าแรกเหนือคู่แข่งรายใหญ่แบบไม่ต้องแข่งด้วยงบโฆษณา SEO คืออาวุธลับสำหรับ E-commerce ที่ต้องการยอดขายระยะยาว โดยไม่เสียค่า Ads ทุกคลิก

ประโยชน์ของการทำ SEO ต่อธุรกิจ 

  • เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเจอธุรกิจของคุณบน Google ได้ง่ายขึ้น เมื่อมีคนค้นหาสินค้าหรือบริการ SEO จะช่วยดันเว็บไซต์ของคุณขึ้นมาในลำดับต้น ๆ โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาแบบเสียเงินตลอดเวลา
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เว็บไซต์ที่ติดหน้าแรกจากการค้นหาธรรมชาติ (Organic Search) มักถูกมองว่าน่าเชื่อถือกว่าโฆษณา ลูกค้าจึงมีแนวโน้มตัดสินใจไวขึ้น
  • ลดต้นทุนโฆษณาได้แบบยาว ๆ ต่างจาก Ads ที่ต้องจ่ายต่อคลิก SEO ลงทุนครั้งเดียวแต่มีโอกาสสร้างผลลัพธ์ได้ต่อเนื่อง ช่วยประหยัดงบการตลาดระยะยาว
  • ดึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด SEO ทำงานกับคำค้นหาที่ผู้ซื้อ “ตั้งใจหา” เช่น “บริษัทรับทำบัญชี SME” หรือ “คลินิกรักษาสิวราคาไม่แพง” ทำให้เจอกลุ่มเป้าหมายจริง ไม่ใช่แค่คนทั่วไป
  • เพิ่ม Conversion จากเว็บไซต์ เมื่อคนที่ค้นหาพบเว็บไซต์คุณจากคีย์เวิร์ดที่เขาต้องการ โอกาสในการกรอกฟอร์ม โทรสอบถาม หรือซื้อสินค้า ก็สูงกว่าการยิงแอดหว่านแบบไม่เจาะจง
  • วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ดีขึ้น SEO ควบคู่กับเครื่องมืออย่าง Google Analytics ช่วยให้คุณเข้าใจว่าใครเข้ามาเว็บคุณจากคำไหน พฤติกรรมเป็นอย่างไร นำไปปรับใช้กับกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ ได้
  • สร้างแต้มต่อในตลาดที่แข่งขันสูง แม้จะไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ ถ้าเว็บไซต์คุณตอบโจทย์คนหาได้ดีกว่า ก็มีโอกาสแซงหน้าแบรนด์ใหญ่ได้ในคำเฉพาะที่เกี่ยวข้อง

7 ขั้นตอนการทำ SEO ดันอันดับติดหน้าแรก มือใหม่ก็ทำได้ 

1. วิเคราะห์คีย์เวิร์ด / คู่แข่ง เริ่มจากค้นหาคำที่กลุ่มเป้าหมายใช้จริง พร้อมวิเคราะห์ว่าใครคือคู่แข่งในคำนั้น

2. วางแผนโครงสร้างสำหรับ SEO จัดหน้าเว็บให้เป็นระบบ มีหมวดหมู่ชัดเจน ลิงก์เชื่อมโยงภายในดี

3. Content SEO ตามหลัก E-E-A-T เขียนเนื้อหาที่มีประสบการณ์จริง น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และให้คุณค่า

4. การทำ Backlink ปลอดภัยและมีคุณภาพ เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ไม่เน้นจำนวน แต่เน้นความเกี่ยวข้อง

5. วัดผล SEO แบบผูกกับยอดขาย ไม่ใช่แค่อันดับ เน้นวัดผลที่สร้าง Conversion ไม่ใช่แค่ติดอันดับเฉย ๆ

6. วางแผน SEO ให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วหยุด ต้องมีแผนรายเดือนที่ยืดหยุ่น

7. วัดผล SEO อยู่สม่ำเสมอ เช็กอันดับ ทราฟฟิก และพฤติกรรมผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุง

ทำ SEO ต้องระวังในเรื่องอะไรบ้าง ?

ทำ SEO ต้องระวังไม่ให้หน้าเว็บแย่งคีย์เวิร์ดกันเองเพราะจะทำให้ Google สับสน ควรหลีกเลี่ยงการยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป และอย่าใช้ Backlink จากแหล่งที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้ต้องใส่ใจเรื่อง Technical SEO เช่น ความเร็วเว็บ ความปลอดภัย และความเป็นมิตรกับมือถือ อย่าลืมวัดผลที่เชื่อมกับยอดขาย ไม่ใช่แค่อันดับ และควรอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยเว็บนิ่ง และต้องจัดลิงก์ภายในและหมวดหมู่ให้เป็นระบบ เพื่อให้ Google และผู้ใช้เข้าใจเส้นทางเว็บชัดเจน สุดท้ายอย่ามองข้ามการจับตาคู่แข่ง เพราะ SEO คือเกมที่ต้องขยับตลอด

ระยะเวลาของในการทำ SEO 

การทำ SEO โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 3–6 เดือน จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง เช่น คุณภาพของเว็บไซต์ ความยาก-ง่ายของคีย์เวิร์ด คู่แข่งบน Google และคุณภาพของเนื้อหา SEO ที่ทำอย่างต่อเนื่อง

ถ้าเว็บไซต์ที่เริ่มใหม่อาจต้องใช้เวลา 6 เดือนขึ้นไปเพื่อให้ติดอันดับในคีย์เวิร์ดสำคัญ แต่ถ้าเว็บมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แค่ปรับเทคนิคและเติมคอนเทนต์ที่ดี อาจเห็นผลภายใน 2–3 เดือน

ทำ SEO แบบไหนอันดับถึงจะอยู่นาน ?

การทำ SEO ให้อันดับอยู่นาน ต้องเน้น “คุณภาพ + ความสม่ำเสมอ” ครับ ไม่ใช่แค่ดันแรงแล้วหายไป เพราะ Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ ให้ข้อมูลดี มีประโยชน์ และน่าเชื่อถือจริง ซึ่งหลักสำคัญคือ

  • คอนเทนต์คุณภาพดี ที่ตอบโจทย์สิ่งที่คนค้นหา 
  • อัปเดตบทความและเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
  • โครงสร้างเว็บดี โหลดไว มือถือใช้ง่าย
  • ได้ Backlink จากเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ
  • เนื้อหาตรงกับ Search Intent ของผู้ใช้

SEO ติดอันดับแล้วจะเสร็จหรือเปล่า?

แม้ SEO จะติดอันดับแล้ว แต่ “งานมันยังไม่จบ” เพราะอันดับบน Google ไม่มีคำว่า “ถาวร” ทุกธุรกิจยังต้องแข่งขันกันตลอดเวลา ทั้งจากคู่แข่งรายใหม่ เนื้อหาที่สดใหม่กว่า หรือการอัปเดตของ Google เอง

กลยุทย์ Cz Group ทำ SEO  ยังไงให้สู้ในธุรกิจที่แข่งขันสูง 

ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การทำ SEO แค่ให้ติดหน้าแรกไม่เพียงพอ เพราะถ้าไม่มีแผนที่สอดรับกับพฤติกรรมของผู้ซื้อจริง ๆ ต่อให้มีอันดับดี ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ การทำ SEO ให้สู้กับคู่แข่งได้โดยไม่ต้องใช้งบมหาศาล ต้องเริ่มจากการเข้าใจให้ลึกว่า “กลุ่มเป้าหมายค้นหาเพราะอะไร” ต้องการข้อมูลแบบไหน และกำลังอยู่ในขั้นตัดสินใจระดับใด 

Cz Group  เราวางกลยุทธ์ SEO ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ทำให้ติดอันดับ แต่ทำให้ธุรกิจของคุณ ชนะในตลาด ที่มีคู่แข่งมหาศาล เพราะในสนามแข่งขัน ทุกอันดับบน Google มีความหมาย ถ้าธุรกิจคุณพร้อมจะขยับ จากแค่มองหาโอกาสก็สามารถไปเป็นตัวเลือกแรกที่ลูกค้าเห็น เริ่มต้นกับ Cz Group วันนี้ เราวิเคราะห์ฟรี!

ติดต่อสอบถาม

บริษัท ซี แซด กรุ๊ป จำกัด 52/87 ถ.เทพาพัฒนา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000
เบอร์โทร : 065 195 9797
E-mail : [email protected]
Line ID : @CzGroup
Facebook : CzGroup : Digital Marketing and SEO 

Scroll to Top