หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า SEO ผ่านหูมาบ้างใช่มั้ยคะ แต่ยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่ และเกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจบ้าง จำเป็นแค่ไหนต้องทำกันมั้ย? แต่ถ้าสำหรับใครที่มีเว็บไซต์ หรือกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์แล้ว SEO คือ หนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณ “ถูกพบ” บน Google โดยไม่ต้องซื้อโฆษณาตลอดเวลานั่นเองค่ะ SEO ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือ การลงทุนในระยะยาวเพื่อให้คนค้นหาเราเจอฟรี ๆ
บทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจพื้นฐานของ SEO อย่างชัดเจน เข้าใจหลักการทำ SEO ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน อธิบายง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ช่วยปูทางสู่การวางแผนที่ถูกต้องและเห็นผล ตั้งแต่ความหมาย เหตุผลที่ควรทำ ประเภทของ SEO เทคนิคสำคัญ ไปจนถึงแนวคิด E-A-T และวิธีรับมือกับเว็บไซต์กลุ่ม YMYL ที่หลายคนคนทำมักมองข้าม

SEO คืออะไร
SEO (Search Engine Optimization) คือ กระบวนการปรับเว็บไซต์ให้เหมาะกับการค้นหาบน Google เพื่อให้เว็บไซต์ของเราขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ เมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา เช่น ถ้าคุณขายกาแฟสด แล้วคนค้นหา “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” แล้วเจอร้านคุณติดหน้าแรก นั่นแหละคือ SEO ทำงานแล้ว
SEO เป็นเรื่องของความเข้าใจทั้งผู้เข้าชมรวมถึง Google การทำ SEO ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการทำให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือ มีประโยชน์ และตอบโจทย์สิ่งที่คนค้นหา ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจาก “ตั้งใจสร้างเนื้อหาดี ๆ และมีคุณภาพ” เมื่อเข้าใจความหมายของ SEO แล้ว สิ่งที่ควรดูต่อไปก็คือ ทำไมธุรกิจส่วนใหญ่จึงเลือกทำ SEO และผลลัพธ์ที่แท้จริงของ SEO ต่อเว็บไซต์คืออะไรกันแน่

ทำไมธุรกิจต้องสนใจทำ SEO น่ะหรอ?
เพราะกว่า 90% ของคนค้นหา เลือกที่จะคลิกเฉพาะผลลัพธ์หน้าแรกใน Google แน่นอนว่า…การที่เว็บไซต์ของคุณนั้นอยู่อันดับต้น ๆ หรือติดอันดับก็เท่ากับการเพิ่มยอดเข้าชมให้กับเว็บไซต์ และมีโอกาสเปลี่ยนคนที่เข้ามาเป็นลูกค้าได้ค่ะ
ตัวอย่างง่าย ๆ ของ SEO ที่เห็นภาพชัดเจน
1.ธุรกิจ : ร้านอาหารท้องถิ่น

ร้านอาหารในเชียงใหม่ชื่อ “บ้านยายอิ่ม” ปรับชื่อเพจให้มีคำว่า “อาหารเหนือ เชียงใหม่” และเขียนบทความรีวิวเมนูขึ้นเว็บ ผลคือ เมื่อลูกค้าค้นหาคำว่า “อาหารเหนือ เชียงใหม่” บน Google ร้านบ้านยายอิ่มขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ทำให้มีลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
2 ธุรกิจรับออกแบบเว็บไซต์
บริษัทออกแบบเว็บไซต์แห่งหนึ่งเพิ่มบทความให้ความรู้เกี่ยวกับ “เทคนิคออกแบบเว็บให้โหลดไว” พร้อมแทรกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และปรับหน้าเว็บให้รองรับมือถือ ผลลัพธ์คือเว็บไซต์เริ่มติดอันดับในคำค้นยอดนิยม และได้ลูกค้าจากการค้นหา
ถ้าเริ่มมองเห็นโอกาสจาก SEO แล้ว เราควรรู้จักว่า SEO มีกี่ประเภท และแต่ละแบบเหมาะกับใคร เพื่อเลือกวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
รู้จักประเภทของ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้เร็วขึ้น
SEO มีกี่แบบ? เราควรเริ่มจากทางไหน? เราต้องเรียนรู้ความแตกต่างของ SEO แต่ละประเภท เพื่อให้มองเห็นโครงสร้าง SEO ได้อย่างชัดเจน เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับเป้าหมายธุรกิจ

On-page SEO คืออะไร
การปรับแต่ง องค์ประกอบภายในหน้าเว็บไซต์ ตั้งแต่ Title , Meta description , การวาง Heading (H1-H3) , รูปภาพ, ลิงก์ภายใน และโครงสร้างเนื้อหา เพื่อให้ผู้ใช้งานและ Google เข้าใจเนื้อหาดีต่อการจัดอันดับได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ
Off-page SEO คืออะไร
การสร้างความน่าเชื่อถือจากภายนอก เช่น การถูกพูดถึงจากเว็บไซต์อื่น ๆ รวมไปถึงการแชร์ผ่าน Social Media หรือได้รับการรีวิวจากเว็บไซต์ภายนอก ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Authority ให้เว็บไซต์ของคุณ เรามาดูประเภทของ SEO กันค่ะ
Technical SEO
การปรับด้านเทคนิคของเว็บไซต์ เช่น การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว รองรับมือถือ มีโครงสร้าง URL ที่ดี ใช้ SSL จัดการ Robots.txt Sitemap.xml และแก้ปัญหา Index หรือ Crawl error ต่าง ๆ
Local SEO
การทำ SEO เพื่อให้ติดอันดับในพื้นที่เฉพาะ เช่น “คลินิกรักษาสิว ลาดพร้าว” โดยเน้นการลงทะเบียน Google Business Profile ใส่ที่อยู่ เบอร์โทร รีวิวจากลูกค้า และการใช้คีย์เวิร์ดที่มีชื่อสถานที่ เพื่อให้คนใกล้เคียงหาเจอ
Content SEO
การวางแผนและสร้างเนื้อหาให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ เช่น การเขียนบทความให้มีคำตอบครบถ้วน ใช้คีย์เวิร์ดหลักและรองอย่างเป็นธรรมชาติ มีโครงสร้างเนื้อหาที่ดี พร้อมข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้เนื้อหามีคุณค่าต่อผู้ใช้งาน
SEO ทำเองได้มั้ย? คำแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่
อยากเริ่มทำ SEO ด้วยตัวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? ไม่แปลกเลยนะ เพราะ SEO ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่ก็ไม่ใช่แค่การใส่คีย์เวิร์ดแล้วจะติดอันดับทันที มันคือกระบวนการที่ต้องอาศัยความเข้าใจหลายด้าน ตั้งแต่โครงสร้างเว็บไซต์ การเขียนคอนเทนต์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
แนวทางสำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ที่อยากลองทำ SEO เอง
- ศึกษาแนวทาง SEO พื้นฐาน เช่น การทำ On-page, การวางโครงสร้างเนื้อหา, การเลือกคีย์เวิร์ด
- เริ่มต้นใช้เครื่องมือเบื้องต้นอย่าง Google Search Console, Google Analytics, และเครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดฟรี เพื่อช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่จะนำมาใช้ในการทำ SEO
- ฝึกเขียนบทความที่เน้นเนื้อหาที่คนอยากอ่านจริง ทำความความเข้าใจเรื่อง ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา และค่อย ๆ สังเกตผลลัพธ์จากการค้นหา
- วางแผนกลลยุทย์ เช่น การวาง Roadmap SEO อย่างมีขั้นตอน วางแผนว่าควรเริ่มอะไร ก่อนหรือหลังค่ะ
แล้วควรทำเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญดี?
ถ้ามีเวลาเรียนรู้และทดลอง ธุรกิจขนาดเล็กอาจเริ่มต้นเองได้ โดยเริ่มจากการวางแผน SEO ให้ถูกทางด้วย 6 กลยุทธ์ที่มืออาชีพใช้กัน แต่ถ้าเป้าหมายต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรืออยากแข่งขันในกลุ่มตลาดที่ดุเดือด เช่น อสังหา คลินิก หรืออีคอมเมิร์ซ การจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือเอเจนซี่ SEO จะช่วยประหยัดเวลา แถมวางกลยุทธ์ได้ลึกและแม่นยำมากกว่า สรุปว่าเราจะทำหรือจ้าง ก็ต้องเข้าใจว่า Google ให้ความสำคัญกับอะไรบ้างค่ะ
E-A-T Factor คืออะไร สำคัญอย่างไรกับ SEO เว็บไซต์

Google ไม่ดูแค่คีย์เวิร์ด แต่ดูความน่าเชื่อถือของเนื้อหาและผู้เขียน และให้ความสำคัญกับ E-A-T Factorด้วย ใครทำเว็บต้องเข้าใจ E-A-T เพราะมันคือเกณฑ์สำคัญของ SEO
E A T Factor คืออะไร
E-A-T Factor คือ แนวคิดที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพของเนื้อหาบนเว็บไซต์ โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญในชีวิต เช่น การแพทย์ การเงิน หรือข้อมูลที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก คือ
- E – Expertise (ความเชี่ยวชาญ)
ผู้เขียนเนื้อหาควรมีความรู้หรือประสบการณ์ตรงในเรื่องที่เขียน เช่น แพทย์เขียนบทความสุขภาพ นักบัญชีเขียนเรื่องภาษี ฯลฯ เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง
- A – Authoritativeness (ความเป็นผู้มีอำนาจในเนื้อหา)
เว็บไซต์หรือผู้เขียนควรเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียง หรือมีแหล่งอ้างอิงสนับสนุนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นจริง เช่น ถูกพูดถึงจากเว็บอื่น หรือมีบทสัมภาษณ์จากแหล่งข่าว
- T – Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)
เนื้อหาต้องโปร่งใส ถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้ เช่น มีแหล่งอ้างอิง มีหน้า About Us หรือ Contact ชัดเจน และใช้ HTTPS เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
E-A-T มีความสำคัญมากขึ้นใน SEO เพราะ Google ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่ “มีคุณภาพจริง” ไม่ใช่แค่เขียนให้ติดอันดับ แต่ต้องมีประโยชน์และน่าเชื่อถือต่อผู้อ่านด้วย
จะทำให้เว็บไซต์มี E-A-T ได้อย่างไร?
1. สร้างคอนเทนต์จากประสบการณ์จริง
เนื้อหาที่มีกรณีศึกษา รีวิวจริง หรือเขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวจะมีน้ำหนักมากกว่าคอนเทนต์ที่ลอกหรือเขียนแบบผิวเผิน
2. ใส่ชื่อผู้เขียน และโปรไฟล์ผู้เชี่ยวชาญ
ในบทความถ้าระบุว่าใครเป็นผู้เขียน พร้อมบอกถึงความเชี่ยวชาญ เช่น “เขียนโดยทีมที่มีประสบการณ์ 10 ปี” หรือมีลิงก์ไปหน้าโปรไฟล์เพื่อยืนยันตัวตน
3. อ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
การมีลิงก์ไปยังงานวิจัย เว็บไซต์องค์กร หรือแหล่งข้อมูลคุณภาพจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบทความ
4. มีหน้า About / Contact / Privacy Policy
Google ต้องการเห็นว่าเว็บไซต์นี้มีตัวตนจริง มีคนรับผิดชอบ มีช่องทางติดต่อที่ชัดเจน ไม่ใช่เว็บผีหรือเว็บที่ไม่มีตัวตน
5. รีวิวจากผู้ใช้งานจริง
รีวิวจากลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่พูดถึงแบรนด์ของคุณในช่องทางต่าง ๆ เช่น Google Business, Facebook หรือเว็บไซต์รีวิว จะช่วยส่งเสริม Trust ไปด้วย
เหตุผลที่ E-A-T ส่งผลต่อ SEO
- ช่วยให้การติดอันดับได้มั่นคงกว่า
เว็บไซต์ที่แสดงความเชี่ยวชาญ มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับจากแหล่งอื่น จะมีโอกาสอยู่ในอันดับต้น ๆ แบบไม่ร่วงง่ายเมื่ออัลกอริทึมเปลี่ยน - สร้างความไว้วางใจให้ผู้อ่าน
หากเว็บไซต์ดูโปร่งใส มีที่มาที่ไปของเนื้อหา มีแหล่งอ้างอิงชัดเจน ผู้อ่านจะรู้สึกมั่นใจและพร้อมแชร์ หรือกลับมาอ่านซ้ำ ๆ - ช่วยลดความเสี่ยงจาก Google Penalty
Google พยายามลดอันดับเว็บที่ให้ข้อมูลเท็จหรือชวนเข้าใจผิด E-A-T เป็นเกราะป้องกันที่ทำให้เว็บไซต์เราปลอดภัยจากการถูกลงโทษ - เพิ่มโอกาสได้ Featured Snippets หรือ Sitelinks
เว็บที่มีเนื้อหาน่าเชื่อถือและถูกจัดโครงสร้างดีตามหลัก E-A-T จะมีโอกาสถูก Google เลือกแสดงผลในตำแหน่งพิเศษที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
ถ้าเว็บของเราเกี่ยวข้องกับสุขภาพหรือการเงิน อาจจะเกิดปัญหาเว็บไซต์ไม่ติดอันดับสักทีได้ “โดยเฉพาะถ้าเนื้อหาเราพูดถึงเรื่องสำคัญในเว็บไซต์ เช่น สุขภาพ การเงิน ก็ต้องระวังในเรื่องของ YMYL ให้มากขึ้น”
วิธีแก้ปัญหา YMYL คืออะไร อธิบายง่าย ๆ

สำหรับเว็บสุขภาพ การเงิน และเนื้อหาสำคัญ รู้จักแนวคิด YMYL คืออะไร พร้อมวิธีแก้ไขเพื่อให้เว็บไซต์คุณน่าเชื่อถือในสายตา Google และติดอันดับได้แม้พูดเรื่องสุขภาพ การเงิน หรือกฎหมาย
YMYL คืออะไร
YMYL ย่อมาจาก Your Money or Your Life เป็นแนวคิดของ Google ที่ใช้วัดว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณมีผลต่อชีวิต สุขภาพ หรือการเงินของคนที่เข้ามาอ่านหรือเปล่า ซึ่งทาง Google มักจะให้ความสำคัญในเรื่อง ความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง และแหล่งอ้างอิงมาก ๆ โดยมีหมวดหมู่หัวข้อที่เข้าข่าย YMYL อย่าง SEO สำหรับธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ ด้านการเงิน ด้านกฎหมาย ด้านการศึกษา และข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสังคม
ทำไมถึงเป็น “ปัญหา”?
เพราะถ้าเว็บไซต์คุณพูดเรื่อง YMYL แบบไม่รอบคอบ Google อาจมองว่าเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ทำให้อันดับตกหรือไม่ติดเลย
- เขียนมั่ว ไม่มีแหล่งอ้างอิง
- ไม่มีความน่าเชื่อถือ
- ไม่มีโปรไฟล์ผู้เขียน (Author)
- เว็บไม่มีข้อมูลเจ้าของ / ความโปร่งใส
วิธีแก้ปัญหา YMYL แบบง่าย ๆ
- ใส่ชื่อผู้เขียน พร้อมข้อมูลชัดเจน เช่น ประสบการณ์ อาชีพ ความเชี่ยวชาญ ถ้าเป็นหมอ นักกฎหมาย ที่ปรึกษาการเงิน ต้องระบุให้ชัด แสดงลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดียหรือเว็บส่วนตัว
- มีหน้าเกี่ยวกับเรา / ทีมงาน / ที่อยู่ติดต่อ ทำหน้า About ที่เล่าให้รู้ว่าเว็บคือใคร ก่อตั้งมาเพื่ออะไร มีที่อยู่จริง อีเมล เบอร์โทร หรือแบบฟอร์มติดต่อก็ยิ่งดี ช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้ Google มั่นใจว่าเว็บคุณมีตัวตนจริง ถ้ามีทีมงาน ให้แสดงหน้าทีมด้วย
- อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น WHO, สสส., ธนาคารแห่งประเทศไทย, รพ.รัฐ, กฎหมายจริง ฯลฯ หลีกเลี่ยงการใช้แหล่งอ้างอิงจากเว็บพันทิปหรือบล็อกที่ไม่มีเจ้าของชัดเจน
- อย่าใช้คำเวอร์เกินจริง ไม่ยัดคีย์เวิร์ดแบบเกินธรรมชาติ หรือปลุกปั่นคำ เช่น “ยานี้รักษามะเร็งได้ 100%” ใช้ภาษาที่จริงใจ ไม่เวอร์เกินจริงแทน เช่น “อาจช่วยบรรเทา” แทน
- ปรับโครงสร้าง SEO โดยใช้โครงสร้าง H1 H2 H3 ให้ชัดเจน เสริมลิงก์ภายในช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ Google จะเห็นว่าเว็บไซต์คุณมีเนื้อหาครบลึก และมี Topical Authority
เว็บไซต์ที่อาจได้รับผลกระทบจาก YMYL?
- เจ้าของเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ การเงิน กฎหมาย หรือข่าว
- สุขภาพ คลินิก โรงพยาบาล การแพทย์
- ผู้ให้คำแนะนำทาง การงาน การเงิน บริษัทประกัน
- ความเชื่อ หรือผู้เขียนเนื้อหาแนวให้คำปรึกษา
ถ้าเว็บไซต์คุณพูดถึงเรื่องสำคัญกับชีวิตหรือเงิน Google จะจับตามองเป็นพิเศษ และต้องการให้คุณ แสดงความน่าเชื่อถือให้เห็น วิธีแก้ คือ ทำให้เว็บของคุณ ดูจริง ดูโปร มีแหล่งอ้างอิง ไม่ใช่แค่เนื้อหาดี แต่ต้องน่าเชื่อถือด้วย
SEO ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือการวางรากฐานให้เว็บไซต์น่าเชื่อถือและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน บทความนี้สรุปภาพรวมตั้งแต่เหตุผลที่ต้องทำ SEO ความเข้าใจพื้นฐาน แนวคิด E-A-T ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ รวมถึงการจัดการเว็บไซต์ประเภท YMYL ที่อ่อนไหวต่อข้อมูล SEO อาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำแบบเร่งด่วน แต่ต้องเข้าใจจริง ๆ ว่าทั้งผู้เข้าชม และทาง Google ให้ความสำคัญกับอะไร ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืนในโลกออนไลน์ได้ค่ะ
ติดต่อ บริษัท ซี แซด กรุ๊ป จำกัด
- ที่อยู่: บริษัท ซี แซด กรุ๊ป จำกัด 52/87 ถ.เทพาพัฒนา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000
- เบอร์โทร : 065 195 9797
- E-mail : [email protected]
- Line ID :@CzGroup
- Facebook :CzGroup : Digital Marketing and SEO
บริการแนะนำเพิ่มเติม
บริการเสริมด้านการตลาดดิจิทัลที่จะช่วยยกระดับเว็บไซต์ของคุณให้เป็นมากกว่าแค่แหล่งรวมข้อมูล แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ

